
ดูเหมือนระยะหลังจะมีกระทู้เข้ามาขอความเห็นเกี่ยวกับปัญหาการสมรสที่เผชิญอยู่กันมาก เคยมีคนถามผมเหมือนกันว่า คนเราแต่งงานเพื่ออะไร? เป็นคำถามที่ถ้าตั้งใจจะตอบจริงๆคงตอบยากทีเดียว แต่ถ้าจะตอบโดยที่ยังไม่ได้กลั่นกรองความคิดให้ดีคงตอบได้ด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย ครั้งหนึ่งเคยฟังเทปธรรมะของอาจารย์พุทธทาส หัวข้อ "สมสู่ สืบพันธุ์ แต่งงาน สมรส" ฟังแล้วได้ข้อคิดว่า ถ้ามองตื้นเขินมากๆแล้วคำสี่คำนี้มีความหมายใกล้เคียงกันทีเดียว แต่ถ้าจะลองมาวิเคราะห์ดูดีๆ ทั้งสี่คำนี้มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน สองอย่างแรกมนุษย์และสัตว์อื่นทำหน้าที่เหมือนกัน แต่คำว่าแต่งงานคือ พิธีการ, วัฒนธรรม ที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่คำว่าสมรสมีความหมายว่า การที่คนสองคนผ่านรสชาติของความสุข ทุกข์ ร่วมกันอย่างเสมอภาคกัน ดังนั้นคำว่าสมรสจึงไม่ได้หมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่งโดยเฉพาะแต่หมายถึงชีวิตของคนสองคนที่ภายหลังตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันยอมรับที่จะผ่านชะตากรรมต่างๆไปพร้อมๆกัน
หลายคนคงมีเหตุผลว่าสมรสเพราะคิดว่าคงมีความสุขที่จะอยู่ร่วมกันกับคนอีกคน (จะด้วยเหตุผลเพราะว่าเคยรักมาก่อน ไม่อยากเหงา กลัวจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต ฯ) ในทางกลับกัน คนที่ตัดสินใจอยู่เป็นโสดก็สามารถมีความสุขได้เหมือนกันแต่เป็นความสุขของคนๆเดียว คงไม่มาตัดสินว่าใครมีความสุขมากกว่ากันระหว่างคนที่อยู่เป็นโสดกับคนที่ใช้ชีวิตสมรส คนๆหนึ่งคงเชื่อว่าสมรสคงดีกว่าเป็นโสดจึงตัดสินใจแต่งงาน แต่จะสุขหรือทุกข์แค่ไหนคงขึ้นอยู่กับคนสองคนและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆที่มาประกอบกันขึ้นภายหลังสมรสเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้, แม่ยายลูกเขย, สภาพการทำงานและสถานะทางการเงิน ความห่วงใยกัน ฯลฯ
เป้าหมายที่แท้จริงของการสมรสควรจะอยู่ตรงไหน? ถ้าหน้าที่เพียงเพื่อให้กำเนิดลูก เท่ากับว่าพอคลอดลูกออกมาก็จบหน้าที่ถือว่าบรรลุหน้าที่ของการสมรสอย่างนั้นหรือ? ถ้าคิดแบบนี้ดูเหมือนยังมองไม่แยบคายทีเดียว ถ้ามนุษย์มีหน้าที่เพียงเพื่อผลิตปริมาณคนรุ่นใหม่ออกมาเรื่อยๆทดแทนคนรุ่นเก่าที่ตายลงเพื่อไม่ให้มนุษย์สูญพันธุ์ไปจากโลกโดยไม่มีการอบรมขัดเกลาคนรุ่นใหม่ให้เป็นคนที่ดีของสังคม ไม่ได้จรรโลงสังคมให้น่าอยู่ ไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าต่อไป อย่างนี้จะถือว่าทำหน้าที่มนุษย์ครบถ้วนได้หรือเปล่า?
ผมมีตัวอย่างที่ขอยกมาเล่าประกอบก่อนแสดงความเห็นตอนท้ายว่าคนเราสมรสกันเพื่ออะไร? เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น แต่ขอไม่นำชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องมาเอ่ยถึง เพื่อเป็นการไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของบุคคลดังกล่าว
ผู้หญิงคนหนึ่งเคยทำงานในธนาคารแห่งหนึ่งแต่แล้วชีวิตของเธอก็พลิกผันเมื่อเธอสมัครเข้าประกวดMiss Japan Internationalและชนะเลิศ ความงามของเธอและชื่อเสียงที่ได้รับทำให้เธอก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ มีงานถ่ายแบบเข้ามาตลอด และนั่นทำให้เธอพบรักกับช่างภาพรายหนึ่ง ทั้งคู่ใช้เวลาคบกันอยู่หลายปีจนตัดสินใจจะแต่งงานกัน กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาไม่กี่วันก็จะถึงวันหมั้น ผู้หญิงรายนี้มีคิวถ่ายแบบที่ต่างจังหวัด เมื่อถ่ายแบบเสร็จเธอตั้งใจจะเดินทางกลับโดยรถไฟตามลำพังแต่สต๊าฟชวนนั่งรถกลับเข้าโตเกียวด้วยกัน เธออยากรีบไปพบแฟนเร็วๆจึงเปลี่ยนใจมานั่งรถสต๊าฟกลับโตเกียวแทน แต่นั่นกลับเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเธอเมื่อรถคันดังกล่าวไปชนกับรถคันอื่น เธอกระเด็นออกไปนอกรถหมดสติ มารู้ตัวอีกทีหลายวันผ่านไปแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผลจากการตรวจอย่างละเอียดพบว่าไขสันหลังเธอได้รับการกระทบกระทือนอย่างแรงสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายตั้งแต่ส่วนเอวลงไปอย่างถาวร ลองนึกถึงคนที่เคยเป็นถึงนางงามระดับประเทศแล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจนมีผลทำให้พิการตลอดชีวิต ความเจ็บปวดและเสียใจมันรุนแรงขนาดไหน แฟนของเธอเมื่อทราบข่าวยังทำใจไม่ได้ไม่กล้าไปเยี่ยม ผู้หญิงคนนี้ทนอยู่กับความทุกข์ทรมานในสภาพที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำหรือนั่งบนโถส้วมเองไม่ได้ต้องให้พยาบาลมาช่วยจับให้นั่ง เธอเคยคิดฆ่าตัวตายแต่ไม่มีแรงพอที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากรถเข็นได้ ในใจเธอยังคงฝันถึงการได้เป็นเจ้าสาว เธอเริ่มต้นเขียนจดหมายระบายความในใจถึงแฟนของเธอ เธอยังอยากจะพบหน้าแฟนของเธอ แต่เธอรู้ดีว่าตราบเท่าที่เธอยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แม้แต่การพยุงร่างกายให้นั่งบนโถส้วมมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะแต่งงานเพื่อไปเป็นภาระให้แฟนของเธอตลอดชีวิต เธอพยายามเอาชนะสภาพร่างกายที่พิการ เธอล้มแล้วล้มอีกในการพยายามพยุงร่างกายเพื่อจะนั่งบนโถส้วมให้ได้ หลังจากพยายามมาเป็นเวลากว่าเดือนในที่สุดเธอก็เอาชนะอุปสรรคในความพิการของร่างกายเธอจนได้ เธอสามารถพยุงร่างกายนั่งบนโถส้วมได้สำเร็จ ในเวลาเดียวกันเมื่อมีคนอื่นมาเห็นสภาพโศกเศร้าของแฟนเธอในขณะนั้นและแนะนำให้แฟนของเธอเลิกล้มความตั้งใจที่จะคบเธอต่อดีกว่า แฟนของเธอกลับได้สติและรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาทั้งของเขาและเธอ ต่างฝ่ายต่างคอยให้กำลังใจซึ่งกันและกันมาตลอดและชีวิตของเขาจะไม่มีความสุขเลยถ้าขาดเธอผู้ซึ่งให้กำลังใจไป แฟนของเธอตรงเข้าไปขอเธอแต่งงานอีกครั้ง ทั้งคู่จัดพิธีสมรสหลังจากเธอออกจากโรงพยาบาล ๑ ปีต่อมา เธอทำกายภาพบำบัดจนสามารถทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองได้ จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ครองรักอย่างมีความสุขมากว่า ๒๐ ปี ถึงแม้ว่าทั้งเขาและเธอจะไม่สามารถมีบุตรได้แต่เธอทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างดีเช่นเดียวกับภรรยาของคนปกติทั่วไปทำกัน อาจจะเป็นข้อดีของสังคมญี่ปุ่นด้วยที่ให้ความสำคัญแก่คนพิการและฝึกให้คนพิการช่วยเหลือตัวเองโดยไม่เป็นภาระแก่ใครและไม่รู้สึกว่าตนเองแตกต่างจากคนปกติทั่วๆไป เธอสามารถขับรถไปไหนมาไหนได้หรือนั่งรถเข็นไปขึ้นรถไฟได้ตามลำพัง
ตัวอย่างที่ยกมาเล่าให้ฟังจะเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้ตัดสินใจสมรสกันเพื่อมีกิจกรรมทางเพศหรือเพื่อมีลูกด้วยกันเลย แฟนเขาเป็นผู้ชายที่ดีมากและสมควรยกย่อง เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะคบต่อหรือเลิกก็ได้ภายหลังจากที่เธอเกิดอุบัติเหตุ แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่กับเธอแม้รู้ว่าเธออยู่ในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมแล้ว ความดีในตัวคนๆหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้นไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ทั้งคู่เลือกที่จะสมรสกันเพราะต่างรู้ว่าไม่มีใครคนอื่นที่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีกว่าเขาและเธอ
คราวนี้ผมขอแสดงความเห็นครับ ผมมองว่าคนทุกคนเกิดมาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องทำ และถ้าทำหน้าที่ดังกล่าวได้ครบถ้วนเขาก็ไม่เป็นทุกข์ การทำหน้าที่ให้ถูกต้องก็เป็นการปฎิบัติธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกันครับ ดังนั้นถ้าคนๆหนึ่งทำหน้าที่อย่างดีพร้อมสมบูรณ์ในตัวเอง เขาคงไม่รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป เขาสามารถจะดำรงชีวิตคนเดียวได้ตามลำพัง แต่เมื่อเขารู้สึกว่าหน้าที่บางอย่างเขาไม่สามารถทำตามลำพังได้สมบูรณ์ และหน้าที่ดังกล่าวเขาจะสามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเขาใช้ชีวิตร่วมกับคนอีกคนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจสมรส ภายหลังการสมรสจึงมีหน้าที่ตามมาและหน้าที่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการสมรสเท่านั้น หน้าที่ดังกล่าวได้แก่ หน้าที่ของสามีและภรรยา หน้าที่ของพ่อและแม่ หน้าที่ของสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของสองครอบครัวที่มารวมกันโดยผ่านการสมรส และเมื่อทำหน้าที่ดังกล่าวได้ดีก็เกิดความสุขตามมา
แต่ความสุขเป็นจุดมุ่งหมายของการสมรสหรือไม่? ถ้าคนสองคนที่ตัดสินใจสมรสกันและทำหน้าที่ภายหลังสมรสครบถ้วน คนทั้งสองน่าจะมีความสุขจากการใช้ชีวิตสมรสมากกว่ามีความทุกข์ แต่ถ้าจะบอกว่าชีวิตปราศจากทุกข์เลยก็คงไม่ได้ทีเดียว เพราะทุกข์อาจจะเกิดจากหลายๆปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ในชีวิต และความทุกข์ก็ช่วยสอนให้มนุษย์รู้จักพัฒนาตนเองหาทางเอาชนะความทุกข์ ถ้าไม่มีทุกข์เลยมนุษย์จะไม่รู้จักพัฒนาตนเอง
ดังนั้นถ้าผมจะขอสรุปตรงนี้ก็คือ จุดมุ่งหมายของการสมรสของมนุษย์ก็เพื่อทำหน้าที่บางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ถ้าอยู่ตามลำพัง หน้าที่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อใช้ชีวิตสมรสด้วยกัน แต่ผมไม่อยากสรุปว่าการสมรสเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องทำ เพราะว่ามนุษย์มีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าตนเองพึงพอใจความสุขจากการทำหน้าที่ของตนจากการใช้ชีวิตตามลำพังหรือความสุขจากการทำหน้าที่ที่เกิดจากการใช้ชีวิตสมรสมากกว่ากัน ลองเลือกดูครับว่าคุณพอใจความสุขอย่างไหนมากกว่ากันสำหรับคนที่ยังไม่แต่งงาน สำหรับคนที่แต่งงานแล้วก็ลองทำหน้าที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อความสุขในชีวิตลมรสครับ เพราะว่าการทำหน้าที่อย่างถูกต้องและครบถ้วนถือเป็นการปฎิบัติธรรมอย่างหนึ่งครับ
By: คุณชาคโร
